LTR Visa

19 กันยายน 2568
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Link นี้
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1226201326213263&set=a.312135114286560

ในโลกยุคใหม่ ประเทศไม่ได้แข่งกันแค่ “สินค้า” อีกต่อไป แต่แข่งกันด้วย คนเก่ง (Talent) ที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างนวัตกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นได้จริงนี่คือเหตุผลที่รัฐบาลทั่วโลกต่างแข่งกันออกนโยบายดึงดูด Talent, เงินทุน และเทคโนโลยีเข้าประเทศสำหรับประเทศไทย คำตอบคือ LTR Visa – วีซ่าระยะยาว 10 ปี ที่บีโอไอตั้งใจออกแบบมาเพื่อดึง Global Talent และ Global Capital ให้เข้ามาเป็นพลังใหม่ในการสร้างอนาคตไทย
3 ปี LTR Visa = 7,000 คน + 23,000 ล้านบาท
ตั้งแต่เปิดตัว ก.ย. 2565 LTR Visa สร้างมูลค่าเศรษฐกิจแล้วกว่า 23,000 ล้านบาท
จาก 4 ช่องทางหลัก ได้แก่
การใช้จ่ายในประเทศ ของผู้ถือวีซ่ากว่า 7,000 คน
เงินลงทุนโดยตรง โดยเฉพาะจากกลุ่ม Wealthy Global Citizens และ Pensioners
ค่าธรรมเนียมวีซ่า ที่รัฐจัดเก็บได้
รายได้ภาษีจากกลุ่ม Highly Skilled Professionals
ปัจจุบัน มีผู้ได้รับอนุมัติ LTR Visa กว่า 7,000 ราย
จากทั้งกลุ่มยุโรป (42%) สหรัฐอเมริกา (19%) ญี่ปุ่น (9%) จีน (5%) และอินเดีย (4%)
ผู้ถือวีซ่ากลุ่มนี้ไม่ใช่แค่มา “พำนักชั่วคราว”แต่เลือกใช้ชีวิตระยะยาวในไทย ทั้งแบบเดี่ยวและพร้อมครอบครัว
สะท้อนความมั่นใจต่อคุณภาพชีวิต โครงสร้างพื้นฐาน และโอกาสในประเทศไทย
ปี 2568: LTR Visa ขยายสิทธิ เปิดกว้างดึง Talent หลากหลายขึ้น
ต้นปี 2568 บีโอไอได้ ปรับเกณฑ์ LTR Visa ครั้งใหญ่ เพื่อดึงดูด Talent ให้หลากหลายขึ้น
โดยเฉพาะการขยายขอบเขตครอบคลุม “อาจารย์ชาวต่างชาติ” ในมหาวิทยาลัยและอาชีวะสายเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมเพื่อยกระดับบุคลากรไทย รองรับคลื่นลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่
ผลลัพธ์เริ่มเห็นชัด:
กลุ่มนักลงทุนมั่งคั่ง ยื่นขอวีซ่าเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การลงทุนในไทยเติบโตต่อเนื่อง
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทักษะสูงและผู้เกษียณก็ยังขยายตัวต่อเนื่อง
ก้าวใหม่ในปี 2568: TIESC ที่ One Bangkok
บีโอไอเปิดตัว Thailand Investment and Expat Services Center (TIESC) แห่งใหม่ บนชั้น 6 และชั้น 7 ของโครงการ One Bangkok โซน PARADE ถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ ที่ ศูนย์นี้คือ One-Stop Service สำหรับนักลงทุนและบุคลากรต่างชาติอย่างแท้จริง บริการรวมไว้ครบในที่เดียว ตั้งแต่:
ศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน (One Start One Stop Investment Center: OSOS)
ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (One Stop Service for Visa and Work Permit)
ครอบคลุมทั้ง BOI Visa, LTR Visa และ Smart Visa สำหรับสตาร์ตอัป
ทุกอย่างถูกออกแบบมาให้ “ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และครบจบในจุดเดียว”
4 โปรไฟล์เป้าหมายของ LTR Visa
เพื่อให้ “การอยู่อาศัยในไทย” กลายเป็น “การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” บีโอไอกำหนด 4 กลุ่มสำคัญที่ต้องการดึงดูดจากทั่วโลก
1. Wealthy Global Citizens
นักลงทุนหรือผู้มีสินทรัพย์สูงที่พร้อมลงทุนระยะยาวในไทย ไม่ว่าจะซื้ออสังหา พันธบัตร หรือร่วมลงทุนในกิจการ
อัปเดต 2025: ยกเลิกเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ 80,000 ดอลลาร์/ปี → เน้นการถือครองทรัพย์สินและลงทุน ≥ 500,000 ดอลลาร์
สร้างดีมานด์ใหม่ตั้งแต่อสังหาฯ สุขภาพ ไปจนถึงบริการ
2. Wealthy Pensioners
ชาวต่างชาติที่เกษียณแล้ว มีรายได้มั่นคง และต้องการใช้ชีวิตหลังเกษียณในไทย
ไทยเป็น Top Choice ของ “Retirement Living” โดยเฉพาะใน Medical & Wellness และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
3. Work-from-Thailand Professionals
คนทำงานกับบริษัทต่างประเทศแต่ย้ายมาใช้ชีวิตในไทย รายได้มาจากต่างประเทศ แต่ใช้จ่ายในไทย
อัปเดต 2025: ลดเกณฑ์รายได้บริษัทนายจ้างเหลือ 50 ล้านดอลลาร์ใน 3 ปี (รวมบริษัทเครือได้) + ยกเลิกเงื่อนไขประสบการณ์ เน้นเปิดกว้างรับ Talent ที่มีศักยภาพและตรงกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ดึงผู้เชี่ยวชาญทักษะสูงเข้ามาเติมเต็มอุตสาหกรรมเป้าหมายและขยายดีมานด์ในเศรษฐกิจไทย
4. Highly Skilled Professionals
นักวิจัย วิศวกร Data Scientist แพทย์ขั้นสูง รวมถึงอาจารย์ในสาขาขาดแคลน
กลุ่มนี้คือ “หัวใจ” ในการยกระดับศักยภาพประเทศ โดยเฉพาะ BCG, Digital, EV และ Semiconductor
นอกจากนี้ LTR Visa ยังครอบคลุมถึง Dependents ทั้งคู่สมรส บุตร และพ่อแม่ ทำให้ครอบครัวต่างชาติใช้ชีวิตระยะยาวในไทยได้อย่างมั่นใจ
LTR Visa กำลังอัปเกรด